7สถานที่ท่องเที่ยวในตุรกี ไม่ควรพลาด! ไม่ง้อวีซ่า

7สถานที่ท่องเที่ยวในตุรกี

1. เที่ยวสุเหร่าโซเฟีย, อิสตันบูล (Hagia Sophia, Istanbul) 

ฮาเกียโซเฟีย มหาวิหารสถาปัตยกรรมแบบไบเซนไทน์ ที่เคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาเกือบจะพันปี และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ในขณะนี้ยังคงได้รับการดูแลรักษาไว้เป็นพิพิธภัณฑสถาน ก่อนจะดัดแปลงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไปเช็คอินถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเก็บไว้ 2.     เที่ยวมัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque, Istanbul) 

มัสยิดสีน้ำเงิน หรือ “บลูมอสก์” สถานที่สำคัญและโด่งดังระลับโลกของตุรกี สถานที่นี้เคยเป็นส่วนพื้นที่โถงด้านในจะเป็นพื้นที่ให้การศึกษา และบ้านพักสำหรับผู้ป่วยที่ยากไว้ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังสุดๆ อีกด้วย 3.     เที่ยวเมืองคัปปาโดเซีย 

เมืองคัปปาโดเซีย (Cappadocia) กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว สถานที่ยอดฮิตที่ใครๆ ก็อยากมาเห็นกับตาสักครึ่ง เป็นเมืองที่จุดพ้อยคือ บอลลูนหลากสีที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าชวนให้อยากจะขึ้นไปชมวิวเมืองคัปปาโดเซียโดยรอบ เมืองแห่งนี้มีเอกลักษณ์สุดๆ ภูมิประเทศของเมืองที่แปลกตาต่างกับประเทศอื่นๆ พื้นที่เมืองคัปปาโดเซียจะเต็มไปด้วยแท่งหินปูนที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 3 ล้านปีก่อน แล้วลาวาเหล่านั้นก็ได้ก่อตัวเป็นชั้นแผ่นดินใหม่ โดนลม น้ำกัดเซาะ จนกลายเป็นรูปกรวยคว่ำ เป็นทรงคล้ายกับกระโจม โดม กระจายอยู่เต็มเลย จึงถูกขนานนามว่า “ดินแดนแห่งปล่องไฟนางฟ้า” ก็จะได้เห็นวิวุมุมสูงของ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ ด้วย

 และยังมี นครใต้ดิน แห่งคัปปาโดเซีย ยุคแรกก็ได้มีการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไปกว่า 10 ชั้น สร้างเป็นเมืองใต้ดินเพื่อเป็นหลุมหลบภัย แต่สงครามครั้งนั้นกินระยะเวลายาวนานมาก พวกเขาทำการขุดเจาะไปเรื่อยๆ จนใต้พื้นดินคัปปาโดเชียกลายเป็นเมืองอีกหลายๆ เมือง แต่เมืองที่ใหญ่ที่สุด ชื่อว่า เดอรินกูยู (Underground City of Derinkuyu) มีทั้งหมด 8 ชั้น ลึก 85 เมตร ภายในมีทั้ง โบสถ์คริสจักร โรงเรียนสอนศาสนา โรงเก็บไวน์ คอกไม้ และบ่อน้ำ ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้ขุดค้น 

 แหล่งเช็คอินสุดท้ายของเมืองคัปปาโดเซีย กับผลงานประวัติศาสตต์แห่งวงการศาสนาคริสต์ในดินแดนตุรกี ได้รับการจดบันทึกอยู่ใน UNESCO World Heritage List แต่ปี ค.ศ. 1984 นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Göreme Open Air Museum) ซึ่งเกิดขึ้นจากการขุดเจาะถ้ำหินหลายลูก และสร้างเป็นโบสถ์ในยุคสมัยศตวรรษที่ 3 ถึง 8 ด้วยความต้องเผยแพร่ศาสนาคริสต์ค่ะ ภายในถ้ำจะถูกออกแบบให้ผนังสูง โค้ง ตกแต่งด้วยรูปปั้นจิตกรรมฝาผนัง ทาสีแดง ลักษณะแบบโบสถ์เซนต์บาร์บารา ส่วนของกำแพงโบสถ์นั้นก็จะถูกเจาะตามรูปทางเรขาคณิต 4.     เมืองปามุคคาเล่ (Pamukkale) 

ปามุคคาเล่ หรือ ปราสาทปุยฝ้าย สานที่ท่องเที่ยวขั้นสุดยอดของตุรกี ตั้งอยู่ในเมืองเดนิซลี “เมืองแห่งสปา” ที่นี่ถูกค้นพบโดยชาวโรมันหลายพันปีมาแล้ว เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงมากในหมู่นักท่องเที่ยวรวมถึงชาวตุรกีด้วย ปามุคคาเล่เป็นแหล่งน้ำฟุร้อนธรรมชาติ เกิดจากความดันความร้อนใต้พื้นดินที่ 35-36 องศาเซลเซียส ใครที่มีแพลนต้องการแช่น้ำแร่ธรรมชาติที่นี่ช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด ความดันโลหิต กระตุ้นร่างกายจากความอ่อนเพลีย และอีกหลายๆ โรค ได้ที่ อุทยานแห่งชาติปามุคคาเล่ (Pamukkale Natural Park) เสียค่าเข้าเพียง 20 TL หรือ ประมาณ 130 เท่านั้น ซึ่งนั้นก็ทำให้ปามุคคาเล่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมากค่ะ ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นสปารีสอร์ทไปแล้ว 

จากนั้นในระหว่างเดินทางผ่าน สามารถแวะชม นครโบราณเฮียราโปลิส (Hierapolis) เป็นเมืองโบราณที่มีอายุเก่าแก่ถึง 2,200 ปี ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงราว 200 เมตร ซึ่งเป็นแหล่งรวมแร่หินปูนขนาดใหญ่ทำให้เมืองแห่งนี้แตกต่างจากเมืองอื่นๆ และยังได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี 1970 ด้วย ซึ่งภายในเมืองโบราณจะมี โรงละครโรมัน (Roman Theater) สร้างขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ของคนยุคสมัยโรมัน โดยการสกัดเข้าไปในไหล่เขา เพื่อให้เป็นที่นั่งสำรองสำหรับให้ผู้คนนั่งชมการแสดงนั้นเอง 5.     เที่ยวมัสยิดสุเลย์มานิเย อิสตันบลู (The Mosque of Suleiman, Istanbul) 

The Mosque of Suleiman หรือ มัสยิดสุเลย์มานิเย สร้างขึ้นในปี ค.ศ 1557 เพื่อเป็นบรรณาการให้กับสุลต่านสุเลย์มาน เป็นอีกหนึ่งสถานที่มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรม มีความโดดเด่นเรื่องของนาด และเป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปนิกชื่อดัง Mimar Sinan โดมของมัสยิดสุเลย์มานมีความสูงถึง 47 เมตร ภายในตกแต่งอย่างหรูหราอลังการ ด้วยกระเบื้องโมเสคเน้นสีทองเป็นหลัก ประดับอย่างปราณนี ด้านบนโครงส้างหินอ่อนสีขาวนวด ลวดลายเรียบๆ ของผืนพรมสีแดงอิฐที่ตัดกันได้อย่างลงตัว กลางโถงมัสยิดมีฐานห้อยโคมไฟวงกลมขนาดใหญ่พร้อมกับดวงไฟที่ถูกแขวนไว้เรียงรายง่ายๆ ตอนกลางคืนเมื่อไฟถูกเปิดสถานที่แห่งนี้จะให้อารมณ์คล้ายกับโรงละครขนาดใหญ่เลยค่ะ ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 18.00 น. แต่จะปิดให้เยี่ยมชมในเทศกาลรอมฎอน

  6.     ชม พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace) 

พระราชวังทอปกาปี หรือที่รู้จักกันในชื่อวังสุลต่าน เป็นอีกหนึ่งเเลนด์มาร์คของเมืองอิสตันบูลค่ะ สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 (Mehmed the Conqueror) ใช้เป็นที่ประทับของสุลต่านหลายพระองค์ต่อกันมาหลายศตวรรษ โดยมีทั้งหมด 3 ส่วนคือ พระราชวังชั้นนอก เป็นสวนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ร่มรื่น น่าเดินเล่นมากๆ เลยค่า มีอาคารสไตล์ตุรกีดั้งเดิมที่ยังคงสภาพเดิมไว้อย่างดีสุดๆ ใช้เป็นสถานที่ออกว่าราชการและต้อนรับแขกคนสำคัญของเมือง

 7.     เดินตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) 

ตลาดแกรนด์บาซาร์ เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่หนึ่งในโลก ก่อสร้างขึ้นมานานกว่า 1,500 ปี ถือว่าเป็นตลาดที่โด่งดังในตุรกีเลย และยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งที่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเทียวเข้าชมมากที่สุดในโลก ภายในตลาดเต็มไปด้วยร้านค้ากว่า 5,000 ร้าน ถนน 65 เส้น มีจำนวนพนักงานหรือคนขายกว่า 26,000 คน นอกจากจะเป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่แล้ว ยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมในอดีต มีมัสยิด ลานน้ำพุ ฮามัม มหาวิทยาลัยอิสตันบูล ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก ในส่วนการเปิดบริการ ตลาดจะเปิดทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 08.30 – 19.00 น. ปิดวันอาทิตย์