เที่ยวอิสตันบูล 5พิกัดฮิต พร้อมเทคนิคเที่ยวตุรกีให้ปลอดภัย

สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque)

เที่ยวอิสตันบูล เริ่มต้นกันที่ สุเหร่าสีน้ำเงิน หรือ บูลมอสก์ และอีกชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ มัสยิดสุลต่านอาห์เมต (Sultan Ahmet Mosque) เป็นสถานที่สำคัญในเมืองอิสตันบูล มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นมัสยิดแห่งเดียวในตุรกีที่มีหอมินาเร็ต หรือ หอสวดมนต์ 6 หอ จุดเด่นของที่นี่ก็คือเป็นสถาปัตยกรรมคลาสสิกออตโตมัน สร้างด้วยกระเบื้องสีน้ำเงิน และมีโดมกลางขนาดใหญ่ ความสูง 43 เมตร กว้าง 33.4 เมตร มาชื่นชมความสวยงามทั้งภายในและภายนอกกันได้ค่ะ

ฮิปโปโดรม (Hippodrome) หรือ จัตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ด (Sultanahmed Complex)

เมื่อมาถึง อิสตันบูล ตุรกี แล้ว สถานที่ที่ถ้าไม่ได้ไปก็เหมือนมาไม่ถึงก็คือ จัตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ด หรือ ฮิปโปโดรม จัตุรัสแห่งนี้เคยเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองในยุคไบแซนไทน์ เดิมใช้เป็นลานกว้างสำหรับแข่งกีฬา และเป็นลานแข่งม้า ปัจจุบันมีอนุสาวรีย์เหลืออยู่ 3 ชิ้น คือ เสา 3 ต้น ได้แก่ เสาโอเบลิสก์แห่งกษัตริย์เธโอโดเซียส (Theodosius Obelisk) เสาทรงสี่เหลี่ยมยอดแหลมที่เก่าแก่ที่สุด สร้างด้วยหินแกรนิต เดิมอยู่ที่โฮลิโอโปลิส ต่อมาจักรพรรดิเธโอโดเซียสได้ย้ายมาตั้งไว้ที่อิสตันบูล, เสาบรอนซ์รูปงูเกี่ยวกระหวัด (Bronze Serpentine Coluumn) และเสาคอนสแตนติน (Column of Constantine)

พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace)

เที่ยวอิสตันบูล ที่ต่อมาคือ พระราชวังทอปกาปี สร้างโดยสุลต่านเมห์เมดที่ 2 แห่งอาณาจักรออตโตมันหลังจากพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้ในปี ค.ศ.1996 พระราชวังแห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ พระราชวังชั้นนอก หรือ บีรูน เป็นสถานที่ออกว่าราชการ ต้อนรับแขกเมือง, พระราชวังชั้นใน หรือ เอนเดรูน เป็นที่พำนักของมเหสี เหล่าสนม นางใน และลูกหลานของสุลต่าน และ ฮาเร็ม (Harem) เป็นส่วนที่พักอาศัยของผู้หญิง ห้องพักในฮาเร็มมีอยู่ทั้งหมดกว่า 300 ห้อง แต่เปิดให้เข้าชมเพียง 30 ห้อง ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่า อาทิ เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน เป็นต้น

มหาวิหารเซนต์โซเฟีย หรือ ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia)

อีกหนึ่งวิหารสำคัญในเมืองอิสตันบูลก็คือ มหาวิหารเซนต์โซเฟีย ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าซึ่งมีสถานที่สำคัญอยู่ใกล้เคียงมากมาย สำหรับวิหารที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นหลังที่ 3 ซึ่งสร้างครอบวิหารหลังเดิมที่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ สร้างโดยจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ มีความสวยงามยิ่งใหญ่ทั้งภายนอกและภายใน ใช้วัสดุก่อสร้างชั้นดีจากอาณาจักรต่างๆ ภายในวิหารหลักเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่ไม่มีเสาต้นใหญ่ค้ำยัน เป็นความคิดและความสามารถของนักออกแบบในยุคสมัยนั้น ที่ทำให้ตัววิหารดูยิ่งใหญ่และสง่างาม

อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici)

อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน เป็นสถานที่สำคัญในอดีต สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 หรือราวศตวรรษที่ 6 เพื่อใช้เป็นที่เก็บน้ำสำหรับใช้ในพระราชวังและสำรองน้ำเมื่อยามข้าศึกล้อม ก่อสร้างโดยใช้เสาหินนับร้อยต้นซึ่งมาจากซากปรักหักพังของอาคารต่างๆ ที่ถูกทำลายในสงคราม จึงอาจจะมีหลายเสาที่รูปร่างหรือดีไซน์ดูแปลกตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสาศีรษะเมดูซากลับหัว ถ้าได้มาเที่ยวที่นี่ก็ลองไปเดินหากันดูนะคะ อยู่ไม่ไกลจากฮาเกียโซเฟียเลยค่ะ