อิสตันบูล ประเทศตุรกี จัดเป็นเมืองในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะนอกจากจะมีอาคารบ้านเรือนตลอดจนสถาปัตยกรรมที่สวยงามทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรปทำให้เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่ลงตัวกลายเป็นเสน่ห์ที่ยากจะลอกเลียนแบบได้ ที่สำคัญคือ อิสตันบูลนั้นเที่ยวเองง่ายมากโดยเฉพาะย่านเมืองเก่าเพราะที่เที่ยวจะอยู่ในระยะเดินถึงกันได้หมด ทั้ง Topkapi Palace, Hagia Sophia, Basilica Cistern, Blue Mosque ไปจนถึงตลาดยอดฮิตอย่าง Grand Bazaar เราก็เลยตัดสินใจเลือกพักย่านนี้เสียเลย ที่พักแสนเก๋ของเรามีชื่อว่า Hotel Miniature เป็นตึกแถวอายุ 139 ปีที่ตกแต่งใหม่ให้เป็น Boutique Hotel ห้องพักสวยงาม สะอาดสะอ้าน มีเครื่องชงกาแฟในห้องให้ชงกาแฟหอม ๆ กินแกล้มกับขนมหวาน Turkish Delight ที่มีไว้ให้ทุกห้อง พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี ที่สำคัญหล่อและตาหวานสุด ๆ อาหารเช้ามีให้เลือกหลากหลาย แถมด้านบนเป็นดาดฟ้าให้ขึ้นไปชมวิวได้อีก

ทริปนี้เราอยู่ทีอิสตันบูล 3 วันเต็ม ๆ ก็เลยได้เอ้อระเหยลอยชายได้เต็มที่ หลัก ๆ หนีไม่พ้นการเดินชมเมืองแบบตามใจฉัน อยากแวะที่ไหนแวะ อยากกินอะไรกิน ซึ่งการซอกแซกไปโน่นมานี่ทำให้เราหลงเสน่ห์อิสตันบูลเข้าอย่างจังเพราะนอกจากเมืองจะสวยถ่ายรูปได้ทุกมุมแล้ว คนที่นี่ยังเป็นมิตรสุด ๆ ด้วย

วันแรกในอิสตันบูล
หลังนอนเต็มตาแล้วเราตื่นเช้ามาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นบนดาดฟ้าโรงแรมเป็นสิ่งแรก จากนั้นลงมากินอาหารเช้าก่อนออกมาเดินชิลแถวจตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ด (เดินจากโรงแรมประมาณ 5 นาที) ระหว่างทางเจอเหล่าคุณลุงนั่งจิบกาแฟอาบแดดกันเป็นกลุ่ม พอเห็นเราเดินผ่านก็ยิ้มหวานให้ทำเอาเราอดใจไม่ได้ต้องขอเข้าไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักหน่อย คนตุรกีนี่ก็ชอบถ่ายรูปมาก ๆ เลย

จากนั้นเดินโต๋เต๋แวะถ่ายรูปเก็บบรรยากาศยามเช้าที่ยังเงียบสงบแถวจตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ดซึ่งคั่นกลางระหว่าง Hagia Sophia กับ Blue Mosque ไปเพลิน ๆ

พอสักแปดโมงครึ่งค่อยไปต่อคิวซื้อตั๋วเข้ามิวเซียม พาสที่หน้าวิหาร Hagia Sophia คิวไม่ยาวมาก ได้ตั๋วประมาณ 9 โมง พอดีกับมิวเซียมเปิดให้เข้าชม น่าเสียดายช่วงที่ไปทั้ง Hagia Sophia และ Blue Mosque (เข้าฟรีไม่ต้องใช้บัตร) กำลังมีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ แต่สิ่งที่เห็นก็ยังงดงามตระการตาแบบที่ทำให้ใจเต้นแรงอยู่ดี

กว่าจะออกมาจาก Blue Mosque ก็หิวจนตาลาย เผอิญตอนเช้าเล็งร้านข้าวแกงแบบตุรกีหน้าตาน่ากินไว้แถวหน้าถนนตรงข้ามสถานีรถราง Sultanahmet เลยต้องมาชิมให้รู้กันไป ที่เรียกว่าร้านข้าวแกง เพราะมีถาดอาหารเรียงรายเหมือนร้านข้าวแกงบ้านเราเลยค่ะ ดูแล้วน้ำลายไหล เราเลือกกินไก่ย่างกลิ่นหอมหวนชวนฝันกับผัดดอกกะหล่ำ ไก่เนื้อนุ่ม หอม อร่อยสุดยอด ส่วนผัดผักรสชาติอ่อน ๆ กินคู่กันกับข้าวผัดซอสมะเขือเทศ จัดว่าเด็ดค่ะ

อิ่มแล้ว แวะไป Topkapi Palace กันค่ะ ที่นี่กว้างใหญ่ไพศาล มีหลายโซน ทั้งโซนห้องครัว โซนพระราชวัง โซนฮาเร็ม แต่บางโซนเขาก็ไม่ให้ถ่ายรูปนะคะ เอาเป็นว่ามาแล้วคุ้มแน่นอน ควรเผื่อเวลาเดินเที่ยวไว้หลาย ๆ ชั่วโมงหน่อย ระหว่างเดินไปพระราชวังเราเจอร้านขนมน้ำตาลปั้นเลยแวะชิม หวานน้ำตาลขึ้นตาเลยค่ะ

ออกมาจากพระราชวัง เราเดินไปเรื่อยเปื่อยจนเจอสวนขนาดใหญ่ด้านหน้าพระราชวัง มีคนตุรกีพาครอบครัวมานั่งพักผ่อน chill out กันเพียบ เราเลยหามุมเหมาะ ๆ แล้วนั่งจุ้มปุ๊กชมวิวกับเขาด้วย อากาศดียามเย็นเช่นนี้ ช่วยเยียวยาทุกสิ่งจริง ๆ… ส่วนมื้อเย็นเราฝากท้องไว้กับร้านอาหารข้างทาง ขากลับโรงแรมก็เดินย่อยชมบรรยากาศยามเย็นของย่านเมืองเก่ากันอีกหน่อย