รวมพิกัดอิสตันบูล (Istanbul) เที่ยวได้จุกๆ ไม่ซ้ำแบบใคร

อิสตันบูล (Istanbul)

อิสตันบูล (Istanbul) เป็นเมืองแรกที่เรามาถึงประเทศทูร์เคีย (ตุรกี) พอได้มาสัมผัสเมืองอิสตันบูลก็ได้แต่ร้องว๊าวรัวๆ จนคอแห้งไปหมดเลย มีความสวยงามทั้งประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ผู้คน ถ้าชอบเดินตรอกซอกซอยจะมีย่านเมืองเก่าอิสตันบูล ตลาดเก่า ร้านขนม คาเฟ่ ให้เราเดินเล่นถ่ายรูปจนเพลินแทบจะลืมเวลาเลยค่ะ ที่เที่ยว ที่กิน โอ๊ย!! ดีมากกก ปูเป้เลยขอ รวมพิกัดอิสตันบูล (Istanbul) เที่ยวได้จุกๆ ไม่ซ้ำแบบใคร (อัพเดท 2022) มาฝากกันค่ะ

อิสตันบูล (Istanbul) เดิมชื่อคอนสแตนติโนเปิล เคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิออตโตมันจนถึง ค.ศ. 1923 เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศทูร์เคีย (ตุรกี) และทวีปยุโรป เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศ และอิสตันบูล (Istanbul) ก็ยังเป็นเมืองเชื่อมทวีปยูเรเชียโดยตั้งระหว่างช่องแคบบอสพอรัส ระหว่างทะเลมาร์มาราและทะเลดำ มีชื่อเสียงทางด้านศูนย์กลางการค้าและประวัติศาสตร์ของฝั่งยุโรป

อิสตันบูล (Istanbul) ถือว่าเป็นสะพานเชื่อมระหว่างซีกโลกตะวันออกและตะวันตก ซึ่งทำให้เป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) มีพื้นที่คิดเป็นร้อยละ 3 ของทั้งประเทศ และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) ประกอบด้วยที่ราบสูงในตอนกลางของประเทศ มีความยาวมากกว่า 1,600 กม. และกว้างประมาณ 800 กม. แหล่งท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของเมืองอิสตันบูล (Istanbul) คือ ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกและศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและความบันเทิงของเมืองตั้งอยู่ในเขต Beyo Hornlu

อิสตันบูล (Istanbul) ถือว่าเป็นเมืองระดับโลกที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามแปลกตา และมีความยิ่งใหญ่ไม่เหมือนที่ใดในโลก และนี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ปูเป้และพี่ต้นมาอิสตันบูล (ครั้งแรกไปเดือนเมษายน 2022 รวม 11 วัน 8 คืน) และครั้งนี้ไปเดือนตุลาคม 2022 รวม 9 วัน 7 คืน อากาศที่อิสตันบูลกำลังดี เย็นสบายมาก กลางวันอุณหภูมิประมาณ 20-23 องศา เดินชิลล์ได้เลย ส่วนค่ำๆ ก็หนาวหน่อยอุณหภูมิประมาณ 14-18 องศา บางพื้นที่อาจมีฝนตกปรอยๆ บ้าง เพราะเราไปช่วงปลายฝนต้นหนาวมันก็จะประมาณนี้ ช่วงเดือนตุลาคมนี้ก็ถือเป็น High Season คึกคัก ดูมีชีวิตชีวา สนุกสนาน มีนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ อยู่ที่นี่เพียบ!! ทั้งไทย, เกาหลี, ญี่ปุ่น, อเมริกา, ยุโรป ฯลฯ

รีวิวนี้จึงขอ รวมพิกัดอิสตันบูล (Istanbul) เที่ยวได้จุกๆ ไม่ซ้ำแบบใคร (อัพเดท 2022) ทั้งที่เที่ยว ที่กิน รูฟท็อป ที่รวมทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม อาหารการกิน สินค้าชอปปิ้ง ฯลฯ มาฝากกันค่ะ

มาเตรียมพร้อมก่อนหนีงานไปเที่ยวต่างประเทศ

ถ้าอยากเที่ยวทูร์เคีย (ตุรกี) ให้สนุก ปลอดภัย ไร้กังวล ก่อนเดินทางปูเป้และพี่ต้นแนะนำให้ทำ ซิกน่าประกันเดินทางต่างประเทศ (Cigna) ไว้อุ่นใจหายห่วง เพราะการเดินทางอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้เสมอค่ะ แม้เราจะคอยระมัดระวังแล้วก็ตาม เช่น เครื่องบินดีเลย์, กระเป๋าล่าช้า, กระเป๋าหาย, เจ็บป่วย, เกิดอุบัติเหตุ หรือทรัพย์สินสูญหาย เมื่อเราทำประกันการเดินทางไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า เราจะได้คุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาล และได้รับการชดเชยครบครันเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ไหนๆ ไปเที่ยวแล้วก็อยากเที่ยวแบบสบายใจค่ะ

ซิกน่าประกันเดินทางต่างประเทศ (Cigna)

มีหลายแผนให้เลือกทั้งแบบรายครั้ง และรายปี สำหรับคนเดินทางบ่อยๆ แบบปูเป้มากกว่า 3-4 ครั้ง/ปี แนะนำให้ซื้อ “ประกันการเดินทางแบบรายปี” ซื้อครั้งเดียวจบ, คุ้มครองไม่จำกัดจำนวนครั้งของการเดินทาง, ไม่ต้องกังวลกับการเลือกแผนซื้อประกันภัยทุกครั้งก่อนออกทริป และยังมีการคุ้มครองโรคระบาดอย่างไวรัสโควิด 19 ทุกแผนด้วยค่ะ โดยประกันการเดินทางจะมีทั้งแผนเอเชีย, เชงเก้นใช้ยื่นขอวีซ่าได้ทั่วโลก โดยสามารถเลือกจำนวนวันได้ตั้งแต่ 30-180 วันต่อทริปได้อีกด้วย

1. ตะลุยถ่ายรูปเทศกาลดอกทิวลิปบานสะพรั่งที่ Emirgan Park

ปูเป้และพี่ต้นไปเที่ยวทูร์เคียครั้งแรกช่วงเดือนเมษายน พอลงเครื่องบินที่สนามบินอิสตันบูล (Istanbul) ปุ๊ปก็รีบตรงดิ่งมาเก็บความงามของทุ่งดอกทิวลิปหลากสีสวยๆ ที่สวนสาธารณะ Emirgan park ซึ่งทุกปีอิสตันบูล (Istanbul) จะมีการจัดงาน “Istanbul Tulip Festival” เทศกาลดอกไม้งาม ดอกทิวลิปเป็นประจำในเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม (ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับดอกทิวลิปบานสะพรั่งงานเทศกาล “Amsterdam Tulip Festival”)

ช่วงที่ปูเป้ไปชมเทศกาลดอกทิวลิปวันที่ 14 เมษายน 2022 ที่เมืองอิสตันบูล (Istanbul) แอบเสียดายนิดหนึ่งที่ดอกทิวลิปยังไม่บานสะพรั่งเต็มที่ การบานของดอกทิวลิปจะขึ้นอยู่กับอากาศ อุณหภูมิ แสงแดดในปีนั้นๆ ด้วย ซึ่งอากาศช่วงเดือนมีนาคม 2022 มีหิมะตก อากาศหนาว อุณหภูมิเย็นกว่าปีก่อนๆ เลยส่งผลทำให้ดอกทิวลิปบานช้า (ถ้าปีไหนมีแดดเยอะ อุณหภูมิสูงขึ้นจะทำให้ดอกทิวลิปบานเร็วขึ้น) จากที่คาดการณ์คิดว่าดอกทิวลิปน่าจะ full bloom สวยๆ ประมาณปลายเดือนเมษายนค่ะ

แม้เราไม่ได้มาช่วงที่ดอกทิวลิปบานสวยที่สุด แต่มาที่นี่แล้วเราจะได้รูปสวยพร้อมทุ่งดอกทิวลิปกลับไปแน่นอนค่ะ ปูเป้และพี่ต้นประทับใจการจัดสวนดอกไม้ที่สวนสาธารณะ Emirgan park ที่เมืองอิสตันบูล (Istanbul) มากๆ ทั้งทุ่งดอกทิวลิปหลากสีสวยงาม, มีการออกแบบแลนด์สเคปของสวนดอกไม้ล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวๆ ได้ร่มรื่นสวยมากทั้งบนเนินเขาและสองข้างทางเดินประดับด้วยน้ำตก, สะพานเดินข้าม, กรงนกสีขาวดีไซน์ มองไปทางไหนก็สดชื่น เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่อิสตันบูล (Istanbul) ที่คนท้องถิ่นนิยมมาปิกนิก และมาเดินถ่ายรูปมากๆ ค่ะ

ทำไมต้องมาทุ่งดอกทิวลิป ??

ประเทศทูร์เคีย (ตุรกี) นี่แหละเป็นต้นกำเนิด “ดอกทิวลิป” ตัวจริง ซึ่งเป็นตัวแทนความหรูหราตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 10  !! ไม่ใช่ “ประเทศเนเธอร์แลนด์” ที่เข้าใจนะทุกคน!! เดิมทีแล้วดอกทิวลิปป่าเติบโตเองทั่วทั้งประเทศทูร์เคีย (ตุรกี) และเอเชียกลาง ต่อมาเริ่มมีการเพาะปลูกจริงจังในสมัยจักรวรรดิออตโตมัน และได้รับความนิยมมากขึ้นในสมัยของสุลต่านอาห์เมตที่ 3 (Sultan Ahmet III) จนมีการยกย่องให้ “ดอกทิวลิป” เป็นดอกไม้ประจำชาติสมัยอาณาจักรออตโตมัน ซึ่งจะเห็นได้จากตราสัญลักษณ์ต่างๆ จะมีดอกทิวลิปเป็นองค์ประกอบ และปลูกไว้ในวังของสุลต่านในยุคนั้นๆ 

ในศตวรรษที่ 16  ประเทศทูร์เคีย (ตุรกี) ได้ส่งออก “ดอกทิวลิป” ไปประเทศเนเธอร์แลนด์จนกลายเป็นที่รู้จัก ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าดอกทิวลิปปลูกขึ้นที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ จากนั้นถัดมาในศตวรรษที่ 18 ก็มีการจัดงานเทศกาลดอกทิวลิปขึ้นมากมายเรื่อยๆ

ประเทศทูร์เคีย (ตุรกี) ได้นำลวดลายของดอกทิวลิปมาใช้อย่างแพร่หลาย และพบเห็นได้ทั่วประเทศจนเรียกว่ายุค “Lale Devri” (ยุคแห่งดอกทิวลิป) ถือว่าเป็นยุคที่ร่ำรวยที่สุดของจักรวรรดิออตโตมันเลย! ซึ่งดอกทิวลิปเป็นตัวแทนของความหรูหราโอ่อ่า ตอนที่เราไปเดินในพระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabahçe Palace)  จะเห็นดอกทิวลิปเยอะมากๆ ทั้งลายบนพรม, กระเบื้อง, โคม chandelier ในพระราชวัง,  อาวุธ, เซรามิก, แก้วใส่ชา, มัสยิด และลายผ้าต่างๆ

2. เช็คอิน Rooftop สุดฮิตที่ Seven Hills restaurant

นี่คือจุดเช็คอินร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้า มี Rooftop สุดฮิตของอิสตันบูล!! จัดได้ว่าเป็นร้านอาหารที่วิวดีมากก บรรยากาศสวย โรแมนติก ไฮไลต์ของที่นี่ คือ วิวบนดาดฟ้าสวยสุดปังที่เห็นความสวยงามจากมุมสูงของ 2 สถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ของอิสตันบูล นั่นคือ Blue Mosque (มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด) จะอยู่ฝั่งซ้ายมือ และ Hagia Sophia (มหาวิหารฮาเกียโซเฟีย) จะอยู่ฝั่งขวามือ มาที่เดียวได้มุมถ่ายรูปสวยคูณสองเลยค่ะ

มาที่ Seven Hills restaurant เมืองอิสตันบูล (Istanbul) ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีภาพถ่ายคู่กับนกบินโฉบแน่ๆค่ะ!! เพราะทางร้าน Seven Hills restaurant จัดเต็มเอาใจลูกค้า โดยจะวางเฟรนช์ฟรายส์ทอดของที่ทานไม่หมดของลูกค้าคนอื่นๆ ไว้ใกล้จุดถ่ายรูปเพื่อให้ทุกคนได้หยิบเฟรนฟรายส์ไว้ในมือ เตรียมตั้งกล้องถ่ายรูปไว้เลยค่ะ พอตั้งท่าโพสต์ปุ๊ปจะมีนกบินลงมาโฉบคาบไป นี่คืออีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้ภาพสวย สนุก และตื่นเต้นมากกกก!!

เมื่อมาถึงทูร์เคียแล้ว ก็อยากแนะนำให้ลองสั่ง Turkish Coffee กาแฟสไตล์ตุรกี รสชาติเข้มข้นและกลิ่นที่หอมกรุ่นเสริ์ฟในแก้วกาแฟสีสันสดใสขนาดถ้วยเล็กน่ารัก จะให้มาพร้อมกับ Turkish Delight (ขนมหวานสไตล์ตุรกีที่ทำจากเจลแป้งและน้ำตาล ) พอได้กาแฟแล้วเอาไปถ่ายรูปเก๋ๆ กับ Blue Mosque ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองอิสตันบูลก็สวยค่ะ

ปูเป้กับพี่ต้นเลยสั่งอาหารเช้าแบบท้องถิ่น ที่นี่จะเรียกว่า “Turkish Organic Breakfast” ราคาคนละ 310 TL (รวมชาตุรกีแบบ Refill) อาหารเช้าสไตล์ตุรกีจะเสริ์ฟเป็นจานเล็กเยอะๆ มีทั้ง Cold Plate (แซลมอนรมควัน, มะเขือเทศ, Tomato, Cucumber, Pepper, Arugula, Cheese Plate (ชีส White Cheese, Herbed Cheese, Helix Cheese, Chechil Cheese, Turkish Kasseri Cheese), Jam Plate ขนมปัง, , Hot Snacks (ไข่ดาว, ซาลามี่, ไส้กรอกย่าง, ไข่ต้มกับซอส, ไข่กระทะ, สลัดมันฝรั่ง, เฟรนฟรายซ์, ปอเปี๊ยะสอดไส้ผักโขม, ปอเปี๊ยะสอดไส้ชีส, มินิพิซซ่า, แป้งทอด ,ผลไม้อบแห้ง, มะเขือเทศ, แตงกวา และผลไม้สด แม้หน้าตาจะดูแปลกแต่รสชาติก็อร่อยถูกใจมากค่ะ นอกจากนี้ก็มีอาหารอื่นๆ เช่น กุ้ง ไก่ย่าง ปลาย่าง ซุป สลัด ไวน์ และของหวาน

3. มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Sultan Ahmed Mosque)

มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Sultan Ahmed Mosque) หรือมัสยิดสีฟ้า (Blue Mosque) ภาพมัสยิดนี้เราเห็นบ่อยสุดๆ เสมือนเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอิสตันบูล (Istanbul) เลย!! มัสยิดสุลต่านอาเหม็ดเป็นมัสยิดสมัยออตโตมันที่ตั้งอยู่ในอิสตันบูลมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์โดดเด่นด้วยการตกแต่งภายในที่วิจิตรสวยงาม เราไปที่นี่ทั้ง 2 ครั้งช่วงเดือนเมษายน และตุลาคม 2022 ระยะเวลาห่างกัน 6 เดือน ภายในมัสยิดก็ยังอยู่ในระหว่างปรับปรุงซ่อมแซมทำให้ไม่ได้เห็นความสวยงามอลังการของมัสยิดแห่งนี้เสียดายมากๆ เลยขอนำภาพด้านในจากเว็บไซต์ของ Wikipedia และมัสยิดมาฝากค่ะ

มัสยิดสุลต่านอาเหม็ดที่เมืองอิสตันบูล (Istanbul) สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1609-1616 โดย Sedefkar Mehmed Agha ตามคำสั่งของสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan Ahmed I) ซึ่งต้องการสร้างมัสยิดแห่งนี้ให้มีขนาดใหญ่กว่ามหาวิหารฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) ของศาสนาคริสต์เพื่อแสดงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรออตโตมัน

โครงสร้างของมัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Sultan Ahmed Mosque) อิสตันบูล (Istanbul) ออกแบบได้สวยงามมาก ประกอบด้วย 5 โดมหลัก, 8 โดมรอง และ 6 หอคอยรูปดินสอ ถือเป็นหนึ่งใน 3 มัสยิดในประเทศทูร์เคีย (ตุรกี) ภายในมัสยิดประดับประดาด้วยทองและอัญมณี, ตกแต่งโดดเด่นด้วยกระเบื้องสีฟ้าประดับกำแพงมากกว่า 20,000 ชิ้น ด้วยลวดลายดอกไม้สีฟ้าต่างๆ ทั้งดอกกุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น, มีหน้าต่างกระจกสีมากกว่า 200 บาน และมีการออกแบบอย่างประณีตให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามา พร้อมกับโคมไฟระย้ามีความอลังการมากค่ะ

คำแนะนำ : ก่อนเข้ามัสยิดควรแต่งกายให้มิดชิด ผู้หญิงไม่ควรใส่เสื้อสายเดี่ยว แขนกุด กระโปรงสั้น และเตรียมผ้าสำหรับคลุมผม หรือใส่เสื้อแขนยาวพร้อมฮู้ดคลุมศีรษะก็ได้

4. Hagia Sophia (มัสยิดฮาเกียโซเฟีย)

แค่ดูจากรูปที่นี่ก็สวยมากกก!! พอได้เดินเข้าไปเห็น มัสยิดฮาเกียโซเฟียอันศักดิ์สิทธิ์ (Hagia Sophia) ด้วยตาตัวเองจริงๆ แลัวภาพที่เห็นทำให้ใจสั่น อ้าปากค้างกับความสวยงามและการออกแบบของสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่อลังการ เราสองคนใช้เวลานั่งบนพื้นพรมแล้วค่อยๆ ใช้สายตาซึมซับ และเก็บรายละเอียดในแต่ละจุดของมัสยิดนี้จนจุใจ สมกับความยิ่งใหญ่ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง และยังเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของอิสตันบูล (Historic Areas of Istanbul) ที่ได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1985 ที่นี่สวยว้าวทุกมุมมองมากๆ มองเพลินเลยค่ะ

มัสยิดฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) แปลว่า “พระปรีชาญาณศักดิ์สิทธิ์ (Wisdom)” ตั้งอยู่ในอิสตันบูลสร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินในปี ค.ศ. 537 โดยสถาปนิกชาวกรีก อีซีดอร์แห่งมีเลตุส (Isidore of Miletus) และแอนเธมีอุสแห่งทราลเล็ส (Anthemius of Tralles) ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นๆ เพื่อเป็นอาสนวิหารประจำของคอนสแตนติโนเปิล ซึ่งถือว่าเป็น “โบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิโรมันตะวันออก และศาสนจักรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์” ความยิ่งใหญ่ทางด้านสถาปัตยกรรมมีทั้งโครงสร้าง, หลังคาโดมขนาดใหญ่, ภายในตกแต่งด้วยเสาหินอ่อน, หินอ่อนสีชมพู, หินอ่อนสีเหลือง และพื้นหินอ่อน, ภาพโมเสกบนฝาผนัง, โคมไฟห้อยระย้า, ออกแบบกระจกให้มีแสงธรรมชาติลอดเข้ามา

เดิมมัสยิดฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) เคยเป็นโบสถ์คริสต์รวม 916 ปี หลังจากที่เสียคอนสแตนติโนเปิลให้แก่จักรวรรดิออตโตมันเข้ามาปกครอง ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิดจนถึง ค.ศ. 1931 โดยมีการย้ายแท่นบูชา, ระฆัง, รูปบูชา, แท่นเทศนา และหอล้างบาป, มีการทำลายหรือป้ายปูนทับในส่วนหินสีโมเสกหลากสีสวยอลังหารทั้งเพดาน, ภาพพระเยซู, พระแม่มารี, นักบุญ และเทวทูตต่างๆ และมีการเพิ่มเติมสถาปัตยกรรมอิสลาม เช่น หอมินาเรต, แท่นมิมบัร, ซุ้มมิฮ์รอบอักษร และอักษรประดิษฐ์แบบอิสลามที่มุมต่างๆ ของโบสถ์ จากนั้นมัสยิดแห่งนี้ปิดมิให้เข้าเป็นเวลา 4 ปี ก่อนกลับมาเปิดใหม่ใน ค.ศ. 1935 ในฐานะพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020 ได้ยกเลิกสถานที่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ และประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน สั่งให้จัดสถานที่นี้กลับคืนเป็น มัสยิดฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) ที่ยังใช้ประกอบพิธีต่างๆ ซึ่งเราก็ยังเห็นภาพเทวดาเซราฟิมที่มุมทั้งสี่ของโดม และภาพพระแม่มารีอุ้มพระกุมารเยซู