ตุรกี ประเทศที่เหล่าทาสจะต้องไปเยือน

ตุรกี ประเทศที่เหล่าทาสจะต้องไปเยือน

อีกหนึ่งเรื่องที่อยากให้ทราบถึงประเทศตุรกี นั้นก็คือแมวตุรกีไม่ใช่แค่ยิ่งใหญ่มาก แต่จำนวนยังเยอะมากด้วย ถ้านับไม่ผิด เจ้าส้มอ้วนที่เพิ่งผ่านไปเมื่อกี้น่าจะเป็นตัวที่สิบแล้วตั้งแต่เรานั่งมาได้ไม่ถึงยี่สิบนาที ช่วงแรกๆ ยังไม่ค่อยแน่ใจกับเสียงลือเสียงเล่าอ้าง กระทั่งใช้ชีวิตอยู่เมืองนี้มาสามสี่วันถึงรู้ว่าที่เขาพูดกันยังน้อยเมื่อเทียบกับของจริง

    ตั้งแต่ประตูสนามบินถึงหน้าประตูโรงแรม ร้านรวง โบราณสถานทุกแห่งล้วนมีแมวเฝ้าอยู่ด้วยท่าทีเป็นมิตร ทำหางขดม้วนไปมาวิ่งเข้าหาคน เหล่าพนักงานยกกระเป๋าก็ดูเกรงใจ ไม่ไล่ ไม่เตะ เข็นกระเป๋าอยู่ดีๆ ยังต้องเบรกตัวโก่งเพราะแมวเดินผ่าน พินอบพิเทาสุด จนแอบคิดว่าหรือจริงๆ แมวที่เห็นจะเป็นผู้จัดการปลอมตัวมาเดินสำรวจแขก

แมวตุรกีไม่ใช่แมวจรจัด แต่ก็ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของใคร

 ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายสุดคือ ทุกคนต่างช่วยกันดูแล มีอาหารเม็ดกองอยู่ทั่วทุกมุมถนน วางชามน้ำ วางเบาะไว้บริการ เผื่อตัวไหนผ่านมาก็มากิน มานั่งๆ นอนๆ ได้เสมอ ย่านไหนแมวเด็กเยอะ จะมีคนอาสาซื้อยา เอาวัคซีนมาหยอดปากให้เพื่อป้องกันโรคติดต่อ คุณภาพชีวิตของแมวจรจัดที่นี่แทบไม่ต่างจากแมวบ้าน ดูเป็นความสัมพันธ์แบบรักนะแต่ไม่ผูกมัดดี

        ตุรกีเป็นชาติมุสลิมที่เปิดกว้าง เลี้ยงทั้งแมวและสุนัข (แม้มุสลิมในประเทศอื่นส่วนใหญ่จะปฏิเสธการเลี้ยงสุนัข ด้วยเหตุผลทางศาสนาก็ตาม) คนท้องถิ่นเล่าว่า ส่วนหนึ่งเพราะวิธีตีความพระคัมภีร์ในแง่มุมที่ต่างจากหลายประเทศ พระเจ้าสอนให้ทุกคนมีจิตใจอ่อนโยน และรักเพื่อนร่วมโลกอยู่เสมอ ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ นั่นแปลว่าต่อให้แพะ แกะ แมว หมา หรือตัวอะไรก็เลี้ยงได้ทั้งสิ้น รักหมด

        กระนั้นชาวเตอร์กิชเองก็ยังเชื่อว่าแมวไม่เหมือนสุนัข มันพิเศษกว่า ความรู้สึกที่สัตว์สองชนิดนี้มีให้กับคนก็แตกต่างกัน ขณะที่สุนัขมองเห็นเราเป็นพระเจ้าแบบไร้เงื่อนไข ในทางตรงกันข้าม แมวก็มีวิธีทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นพระเจ้าของเราเสียเอง แมวเข้าใจมนุษย์แต่เลือกที่จะไม่สนใจ จะมาหาก็ต่อเมื่ออยากมาหา ไม่เดินตามเสียงเรียกพร่ำเพรื่อ มันอาจจะไม่อยู่กับเราตลอดชีวิต วันหนึ่งถ้าแมวเจอที่ใหม่และพอใจกว่าก็ไป เหมือนโชคชะตาที่พระเจ้าประทานให้ผ่านเข้ามาเพียงระยะสั้นๆ มนุษย์มีหน้าที่แค่ดูแลโชคชะตาที่ได้รับ (จากมัน) ให้ดีสุดก็พอ ไม่ต้องมีปลอกคอ ไม่ต้องขังเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

        ฮัสซันอธิบายว่า ในหลักศาสนาของเขา พระเจ้าต้องการทดสอบผู้คน พระองค์เปิดโอกาสให้เราได้เข้าใกล้ท่านในหลายวิธี แมวก็เป็นหนึ่งในนั้น เป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่นอกกรอบ ควบคุมอะไรไม่ได้ เราอาจต้องเป็นผู้ให้อยู่ฝ่ายเดียว ไม่ใกล้เคียงคำว่าต่างตอบแทนสักนิด แต่นั่นแหละ ความรักของคนที่มีให้แมวรวมถึงสัตว์โลกอื่นๆ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามนุษย์คู่ควรที่จะได้รับความรักจากพระเจ้าแล้วหรือยัง